ผมไม่สบายดี

-- ครูสากล

 

...ถึงศิษย์รักของครูทุกคน... วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก นับตั้งแต่ พ.ศ. 2516 ตราบเท่าปัจจุบัน ครูได้มีโอกาสประสิทธิ์ประสาทวิชาการดำน้ำเบื้องต้นให้กับนักดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์ตามโครงการจุฬาภรณ์ 36 เป็นจำนวน 6 รุ่น นั่นหมายถึงครูได้มีโอกาสสอนนักเรียนอนุรักษ์ทุกรุ่น และเธอทุกคนเป็นนักเรียนดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์รุ่นที่ 6 เธออาจจะเป็นนักเรียนดำน้ำรุ่นสุดท้ายสำหรับชีวิตของครูก็ได้ เนื่องจาก “ ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง” เธอทุกคนจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม เป็นคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็น
คำสอนที่เป็นอมตะตลอดกาล

เหตุการณ์ที่ครูจะกล่าวถึงต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์จริง ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของครูในอดีต.... ย้อนหลังไปประมาณกลางเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2522 ซึ่งตรงกับวันศุกร์ เป็นวันที่เท่าไรนั้นครูจำไม่ได้เสียแล้ว เป็นช่วงเวลาของการฝึกภาคเรียนในหัวข้อวิชาการดำน้ำแบบวงจรเปิด หรือ Scuba Air ของหลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม
(ชั้นต้น)รุ่นที่ 11 ในวันนี้เป็นการฝึกการแลกเปลี่ยนการหายใจ การลอยตัวอิสระขึ้นสู่ผิวน้ำ Free Ascent ที่ความลึก 60 ฟุต ในความรู้สึกของครูขณะนั้น บอกตรง ๆ
ตื่นเต้นมากด้วย เพราะเป็นการดำน้ำในทะเลที่มีคลื่นลมแรงพอสมควร ประกอบกับความไวของประสาทของตนเองมีสูง จึงทำให้มีอาการเมาคลื่นอยู่เป็นประจำแต่ก็พอทนได้ การเมาคลื่นนั้นถ้าหากเกิดอาการเมาให้พยายามหายใจเข้ายาว ๆ ลึก ๆ และใช้สายตามองไปไกล ๆ และหากเป็นไปได้ ให้พยายามลงไปลอยตัวในน้ำอาการเมาคลื่นก็จะทุเลาลงหรือหายไปเลย สำหรับขึ้นตอนการฝึก Free Ascent ในวันนั้น
ขั้นตอนการฝึก ครูฝึกได้นำเรือเก่าๆ ลำหนึ่ง ชื่อแบบของเรือคือ เรือมาร์คโฟ เป็นเรือใช้สอยที่ได้รับการช่วยเหลือทางทหารจากประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อหลายปีก่อน ได้ถูกใช้งานราชการมานานหลายปีแล้วอีกเช่นกัน ครูฝึกได้นำเรือลำดังกล่าวไปจอดทอดสมอยังบริเวณช่องเกาะพระน้อย (เกาะเณร) กับเกาะหมู เนื่องจากตำบลที่ดังกล่าวมีความลึกของน้ำ 60 ฟุต พอดี โดยที่เชือกสายสมอที่ส่งลงไปใต้น้ำจะมีความยาวประมาณ 3 เท่าของความลึกน้ำ ณ บัดนี้สมอเรือได้เกาะตัวกับพื้นทรายใต้ทะเลเรียบร้อย เหตุการณ์การฝึกในวันนั้นยังอยู่ในความทรงจำของครูตลอดมา ผู้รับการฝึกกำลังเตรียมการดำน้ำอยู่บนเรือพี่เลี้ยงลำนั้นด้วยความรีบร้อน โดยการแต่งตัวและรับการตรวจจากผู้ควบคุมการดำน้ำ จำนวนของนักดำน้ำในวันนั้นคือ 23 นาย ครูฝึกได้จัดนักเรียนเป็น Buddy ครูเองและ Buddy ของครู ลงน้ำเป็นคู่ที่ 3 สำหรับ Buddy ของครูชื่อ จ.อ. เดชา รัตนะจีนะ เป็นเพื่อนดำน้ำที่ไว้วางใจได้ดีมาก แต่เพื่อนของครูคนนี้ภายหลังสำเร็จหลักสูตรมนุษย์กบแล้วประมาณ 10 ปี ก็ได้ตัดสินใจลาออกจากราชการไปประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว ปัจจุบันเขาคนนั้นยังมีชีวิตอยู่

ขั้นตอนการฝึก เมื่อถึงลำดับของคู่ดำน้ำในชุดของครู พร้อมแล้วก็กระโดดลงน้ำพร้อมกันบริเวณท้ายเรือ และว่ายน้ำพร้อมขวดอากาศคู่ไปยังเชือกสมอหัวเรือ ส่งสัญญาณให้กับครูฝึก แล้วดำตามสายสมอลงไป โดยจะมีกิจกรรมการทำ Buddy Breathing หรือการแลกเปลี่ยนการหายใจลงไปด้วย ขอให้เธอลองนึกภาพตามไปก็แล้วกันว่าจะทุกลักทุเลขนาดไหน และในส่วนตัวของครูเอง ก็เคลียร์หูออกยาก โดยเฉพาะหูข้างซ้ายมันจะเคลียร์ออกยากกว่าหูข้างขวามาก การเคลียร์หูหากเคลียร์ข้างหนึ่ง ข้างใดไม่ออกให้ขยับขึ้นจากความลึกเดิม 2-3 ฟุต แล้วตะแคงหูข้างที่เคลียร์ไม่ออกขึ้นสู่ผิวน้ำ แล้วทดลองเคลียร์ใหม่ โอกาสเคลียร์จะสูง หากการเคลียร์หูไม่ประสบความสำเร็จเลย แสดงว่าอาจมีน้ำเข้าไปอยู่ช่องหู ทำให้เป็นการปิดกั้นการเคลียร์หู ทำให้เคลียร์ไม่สำเร็จ ก็ให้ขึ้นมาสู่ผิวน้ำใหม่แล้วพยายามทำช่องหูให้ว่างจากน้ำที่เข้าไปภายในช่องหูและดำลงไปใหม่ หากไม่สามารถเคลียร์หูได้จริง ๆ ก็ให้ยุติการดำน้ำไปก่อน อย่าได้ฝืนดำน้ำลงไปจะส่งผลเยื่อแก้วหูทะลุได้ในที่สุด

การปฏิบัติในการฝึกของครูในวันนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากไหนจะต้องพะวงอยู่กับการเคลียร์หูไหนจะพะวงต่อการแลกเปลี่ยนการหายใจกับคู่ดำน้ำของครู ประกอบกับกระแสน้ำในขณะนั้นมีความแรงมากกว่า 1 นอต เนื่องจากเป็นช่วงน้ำทะเลกำลังขึ้น “ในห้วงเวลาน้ำนิ่งที่สุดจะมีเวลาอยู่ประมาณ 40-60 นาที หลังจากน้ำขึ้นและลงเรียบร้อย ห้วงเวลาดังกล่าวนี้เราเรียกว่า “น้ำทรง” และห้วงเวลาของน้ำทรงตัวนี้เองเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการดำน้ำในสถานที่มีกระแสน้ำไหลผ่าน เช่น ช่องเกาะจวงและเกาะโรงโขน โรงหนังที่พวกเธอเคยได้ไปดำ 90 ฟุต ชมเรือสุทธาทิพย์กันมาแล้วหากมีโอกาสควรจะได้ตรวจสอบในสมุดมาตราน้ำด้วยว่าห้วงเวลาใดที่เป็นสภาวะน้ำทรงตัว หรือหากจำเป็นจะต้องไปดำช่วงที่มีกระแสน้ำ ความเร็วของกระแสน้ำก็ไม่ควรเกิน 1 นอต/ ช.ม. (เท่ากับ 1.852 ก.ม./ช.ม. หากเป็นไมล์บก จะเท่ากับ 1.609 ก.ม./ช.ม.)

ในขณะที่ครูดำลงและทำการแลกเปลี่ยนการหายใจนั้น ไม่มีครูฝึกตามลง ไปด้วยเลย แต่อย่าเพิ่งดีใจว่าหากไม่มีครูตามลงไปควบคุมด้วย นักเรียนจะสามารถลักไก่นำ Mouth piece ของตนเองมาใช้ได้ หมดสิทธิ์ เนื่องจากครูไม่มีอุปกรณ์
ดำน้ำอย่างอื่นเลย นอกจาก หน้ากาก ตีนกบ และเสื้อชูชีพเท่านั้น ส่วนเพื่อนของครูอีกคนหนึ่งมีอุปกรณ์การดำน้ำครบทุกอย่างพร้อม

การทำการแลกเปลี่ยนการหายใจลงไปด้วยกันนั้นมีไปอย่างต่อเนื่อง เวลาครูรับ Mouth piece มาหายใจแต่ละครั้งจะมีน้ำปนเข้าไปในช่องปากครั้งละประมาณ 100 ซี.ซี.ไม่รู้ว่ากี่ครั้งกว่าจะถึงความลึก 60 ฟุต สภาพของครูขณะนั้นท้องอืดเป็นอย่างมาก

การเรียนรู้อะไรก็แล้วแต่ หากเรียนแล้วไม่รู้จริงย่อมทำให้เกิดการผิดพลาดอย่างช่วยไม่ได้ ผู้รับเคราะห์ก็คือตัวของเราเอง ความรู้สึกของครูในขณะนั้นคิดว่า Mouth piece มีอาการรั่ว เมื่อถึงที่ความลึก 60 ฟุต ก็จะมีครูฝึกคอยรับอยู่ใต้น้ำ 1 ท่าน ครูฝึกจะให้นักดำน้ำแลกเปลี่ยนการหายใจต่อไปให้พร้อมเสียก่อนแล้วจึงจะปล่อยให้ทำการลอยตัวอิสระขึ้นสู่ผิวน้ำ และขณะนั้นการปฏิบัติในเรื่องการแลกเปลี่ยนการหายใจการหมุนเวียนกันหายใจร่วมกับครูฝึกด้วยรวมเป็น 3 คนต่อ 1 Mouth piece อาการส่วนตัวของครูเองเริ่มอึดอัดมากขึ้น เพราะสภาพของ Mouth piece ที่คิดว่ารั่วก็ยังคงมีสถานการณ์เหมือนเดิม ทำให้เกิดอาการรับอากาศไม่เพียงพอ อาการของครูทวีความรุนแรงขึ้น ในขณะที่ครูเองกำลังรอ Mouth piece จากเพื่อนดำน้ำของครูอยู่ หลังจากครูฝึกได้ส่ง Mouth piece ให้เพื่อนครูไปแล้วนั้น แต่ขอโทษนะจ๊ะในช่วงที่ครูกำลังรับ Mouth piece จากเพื่อนดำน้ำนั้น ครูฝึกของครูได้แย่ง Mouth piece ไปหายใจแทน และต่อจากนั้นก็ส่งให้เพื่อนดำน้ำของครู จุดแห่งความเป็นความตายของครูมาถึงแล้ว ครูจำเป็นต้องตัดสินใจขึ้นสู่ผิวน้ำ ความสับสน ขาดสติสัมปชัญญะ ความไม่รู้จริง ครูจึงตัดสินใจกลั้นใจขึ้นสู่ผิวน้ำ แต่ก็มีการ blow อากาศออกจากปากเป็นบางส่วน แต่ก็น้อยมาก ความลึกอย่าลืม 60 ฟุต ครูได้ลอยตัวขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว เพื่อหวังจะได้อากาศหายใจจากผิวน้ำในเวลานั้นคู่ดำน้ำของครูก็ดำตามขึ้นมาด้วยแต่ไม่ทันความเร็วของครู เมื่อถึงผิวน้ำ ครูไม่สามารถรายงานตนเองได้ว่า “ผมสบายดี”

อาการที่เกิดขึ้น หลังจากได้รับการช่วยเหลือให้ขึ้นสู่เรือพี่เลี้ยงนักดำน้ำแล้ว
จะมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดเจ็บหน้าอกอย่างมาก มีอาการอาเจียน และถ่ายท้องด้วยเนื่องจากนับน้ำทะเลเข้าไปมากด้วย เพื่อนๆ ของครูล้อเล่นเป็นเรื่องโจ๊ก ว่า G-1 ทวารเปิดทั้ง 9 ครูมีอาการเจ็บเจ้เจ็บเg0 ฐบริเวณหน้าอกประมาณ 1 เดือน โดยไม่ได้รับการตรวจสอบใดๆ จากแพทย์เลย ตลอดระยะเวลา 1 เดือน ครูเองพยายามอดทนด้วย ความทรมาน โดยเฉพาะอย่างเมื่อมีการวิ่ง 4 ไมล์ ทรมานที่สุด เพราะจะเจ็บหน้าอกมาก หลังจากเวลาผ่านไปเป็นเวลา 1 เดือน อาการทุกอย่างก็เป็นปกติ ตราบจนกระทั่งครูได้สำเร็จ เป็นนักทำลายใต้รุ่นที่ 11 โดยสมบูรณ์ และมาอยู่ในจิตใจbuddy ของเธอทุกคน ณ ปัจจุบันนี้ มิฉะนั้นเราก็คงไม่ได้มาพบกันแล้ว .....

รักและห่วงใยศิษย์รักทุกคนเสมอและตลอดไป จากครู