ญี่ปุ่นยังคงเดินหน้าไล่ฆ่าวาฬต่อไป
Thursday, March 31, 2005, 06:04 PM - ต่างประเทศ
เอเอฟพี ฝูงเรือล่าวาฬของญี่ปุ่นได้เดินทางกลับยังท่าเรือแล้ว หลังจากได้ออกล่าวาฬเป็นเวลานานกว่า 18 ปี ตามแผนการเดิม ที่สร้างความไม่พอใจให้กับนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กระนั้น รัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่า ญี่ปุ่นจะยังออกล่าวาฬต่อไป แม้ว่านานาชาติจะคัดค้าน
หลังจากปี 1986 ญี่ปุ่นได้ยกเลิกการล่าวาฬเพื่อการค้า และได้เริ่มการล่าวาฬตามที่ได้อ้างว่าเพื่อการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ในปีถัดมา แต่ปรากฏว่า เนื้อวาฬที่ถูกล่ามานั้น กลับไปปรากฏอยู่ตามชั้นขายสินค้า และร้านอาหารแทน ซึ่งกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้กล่าวว่า การล่าวาฬนั้นของญี่ปุ่นเป็นไปเพื่อการค้า โดยเอาการค้นคว้ามาบังหน้า
ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกมากล่าวว่า ญี่ปุ่นจะยังคงบริโภคเนื้อวาฬต่อไป เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่ได้รับตกทอดมา แม้ว่านักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจะออกมาต่อต้านก็ตาม เนื่องจากวาฬบางชนิดนั้น อยู่ในภาวะที่ใกล้จะสูญพันธุ์
และในวันนี้(31) ฝูงเรือล่าวาฬของญี่ปุ่นได้เดินทางกลับถึงท่าเรือแล้ว หลังจากได้ออกล่าวาฬที่ทะเลแอนตาร์กติก ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมกับล่าวาฬมิงค์ได้ 440 ตัว
ทั้งนี้ เพื่อที่จะได้รับการอนุญาตให้ล่าวาฬเพื่อการค้นคว้าครั้งต่อไป รัฐบาลญี่ปุ่นจะยื่นคำร้องไปยังคณะกรรมาธิการการล่าวาฬนานาชาติ(ไอดับเบิลยูซี) ในประเทศเกาหลีใต้ ภายในเดือนมิถุนายนนี้
อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นได้กล่าวว่า ญี่ปุ่นจะยังคงล่าวาฬต่อไป แม้ว่าไอดับเบิลยูซีจะปฏิเสธแผนที่ได้เสนอไปก็ตาม ซึ่งญี่ปุ่นอ้างว่า วาฬได้ทำให้จำนวนปลาที่จับได้น้อยลง เนื่องจากพวกวาฬได้บริโภคปลาไปเป็นจำนวนมหาศาล
กระนั้น ญี่ปุ่นกลับสนับสนุนการปกป้องวาฬชนิดที่ใกล้จะสูญพันธุ์ แต่ญี่ปุ่นได้แย้งว่าวาฬชนิดอื่นๆ ยังคงมีมากพอที่จะล่า ในจำนวนที่จำกัด
อนึ่ง ญี่ปุ่นและชาติที่สนับสนุนการล่าวาฬต่างรู้สึกไม่พอใจ ที่มีกลุ่มต่อต้านการล่าวาฬเพิ่มมากขึ้น ในการประชุมประจำปีของไอดับเบิลยูซี ซึ่งญี่ปุ่นถึงกับขู่ที่จะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของไอดับเบิลยูซี ถ้าหากระบบการตรวจสอบการจับวาฬและโควต้าการจับวาฬขนาดใหญ่ที่เสนอไปไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งระบบที่ว่านี้จะทำให้การห้ามล่าวาฬต้องสิ้นสุดลงในที่สุด
สำเนาจาก :: www.manager.co.th :: บทความสำเนา ::
สิปาดันได้เวลาฟื้นฟูแล้ว
Friday, March 11, 2005, 04:38 PM - ต่างประเทศ
ใต้ทะเลสิปาดัน เกาะสิปาดัน ภาพโดย :: azurcx.ld.infoseek.co.jp เกาะสิปาดัน ภาพโดย :: scuba-diving-safaris.co.uk |
โคตาคินนาบาลู (มาเลเซีย) : สิปาดันดูเหมือนกำลังเข้าสู่ภาวะฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม หลังจากที่ยืดหยัดตำแหน่งแหล่งดำน้ำอันดับต้น ๆ ของโลก ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
หัวหน้าอุทยานซาบา (Sabah Parks) Datuk Lamri Ali กล่าวว่า เกาะกลางทะเลในรัฐซาบา กำลังประสบผลจากสิ่งแวดล้อมทางน้ำ ที่มากับนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวที่รัฐซาบาแห่งนี้จากทั่วโลก เขายังกล่าวต่อไปอีกว่า ทรายสีขาวบนเกาะ กำลังลดลง จากการถูกซัดลงทะเล รวมถึงน้ำทะเสอันสดใสก็กำลังหายไปด้วย ซึ่งส่งผลให้พันธุ์พืชบนเกาะเติบโตช้าลง นอกจากนี้น้ำเสียที่มาจากการใช้สบู่ของนักท่องเที่ยวก็ส่งผลเสียต่อปะการังไปทั่วบริเวณอีกด้วย เต่าทะเลที่เคยขึ้นมายังเกาะ บัดนี้ก็เริ่มหาดูได้ยาก และไม่ค่อยปรากฏให้เห็นอีกต่อไปแล้ว รวมถึงนกพันธุ์ต่าง ๆ ก็เริ่มหาดูยากขึ้นอีก ทางหัวหน้าอุทยานได้กล่าวถึงทางออกของเรื่องนี้ว่า อุทยานซาบา และทางการมาเลเซีย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาดูแลและจัดการ โดยทำการศึกษาและแบ่งแผนงานไว้แล้ว 2 ส่วน คือ หนึ่ง การอนุรักษ์ และ สอง การท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังได้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนเกาะออกเพื่อยกเลิกการค้างคืนบนเกาะ ตั้งแต่ มกราคม 48 ที่ผ่านมาอีกด้วย |
แปลมาจาก :: http://thestar.com.my :: บทความต้นฉบับ
บทความต้นฉบับเขียนโดย :: muguntan vanar
พบวัดใต้ทะเลที่อินเดียหลังสึนามิ
Tuesday, March 1, 2005, 11:48 AM - ต่างประเทศ
นักดำน้ำชาวอินเดียกำลังตรวจสอบ หลักฐานทางวัฒนธรรมใต้ทะเล หลังคลื่นสึนามิซัดผ่านไป |
นักโบราณคดีชาวอินเดียได้ค้นพบในสิ่งที่พวกเขาเชื่อกันว่านี่คือ สิ่งก่อสร้างที่ทำจากหิน ที่หลงเหลือในยุคเมืองท่าอันรุ่งโรจน์ทางทะเลฝั่งใต้ของอินเดีย
เจ้าหน้าที่เข้าทำการศึกษาโครงสร้างนี้ หลังจากชาวบ้านได้แจ้งเข้ามาว่า พบวัด และรูปปั้นมากมายในทะล หลังจากที่ระดับน้ำทะเลลดลงไปไกลหลายร้อยเมตร ก่อนที่คลิ่นสึนามิจะซัดเข้าชายฝั่งเมื่อวันที่ 26 ธค. 2547 นอกจากนี้ นักดำน้ำยังพบอีกว่า ซากหินที่ยังหลงเหลืออยู่นั้น มีรูปร่าง ใกล้เคียงกับวัด มหาบาลิพูราม (Mahabalipuram) ที่โด่งดังในอดีต ในรัฐ ทามิล นาดู ของอินเดีย |
นาย Alok Tripathi, เจ้าหน้าที่จาก Archeological Survey of India (ASI) ได้กล่าวว่า
"พวกเราได้พบสิ่งก่อสร้างที่ทำจากมือมนุษย์ ซึ่งพวกมันยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ สามารถนำมาเรียงต่อกันกลับเหมือนเดิมได้"
นอกจากสิ่งก่อสร้างที่พบนี้แล้ว ยังพบหินรูปช้างครึ่งตัว และสิงโต ที่ตั้งอยู่ในวัด มหาบาลิบูราม ด้วย โดยวัตถุที่พบเหล่านี้ถูกคลื่นยักษ์พัดขึ้นมาบนชายหาดพร้อมกับทรายจำนวนมหาศาล
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า คลื่นสึนามิ ได้มอบของขวัญจาก มหาบาลิพูราม ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่าสมัยที่ฮินดูมีอิทธิพลมากในแถบอินเดียตอนใต้ เมื่อก่อนคริสตศักราช และยาวถึง 8 ศตวรรษ
อนึ่งตามบันทึก มหาบาลิพูราม เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรม และ สิ่งก่อสร้างที่ยอดเยี่ยมที่สุดของอินเดีย..
แปลมาจาก :: http://www.paktribune.com :: บทความต้นฉบับ
เรือจม 'ชตอยเบน'
Friday, February 25, 2005, 10:11 PM - ต่างประเทศ
ช่างภาพคริสทอฟ เกริกค์ สะเทือนใจกับซากเรือ ชตอยเบน เป็นพิเศษ ครอบครัวของบิดาเขาเกือบจมหายไปกับเรือ วิลเฮล์มกุสท์ลอฟฟ์ ซึ่งถูกตอร์ปิโดจากเรือดำน้ำลำเดียวกันของโซเวียตยิงจมเมื่อวันที่ 30 มาราคม ปี 1945 ห่างจากจุดที่เรือ ชตอยเบน ประสบเหตุไปไม่ไกล
บิดาของคริสทอฟ และครอบครัวมีกำหนดลงเรือ กุสท์ลอฟฟ์ ในวันที่เกิดเหตุแต่ก่อนออกเดินทาง รองเท้าของลูก ๆ ที่ผิงไฟบนเตาเกิดไหม้ไฟ คุณย่าของคริสทอฟ จึงเลื่อนการเดินทางเพื่อหาซื้อรองเท้าใหม่
ในคืนนั้น เรือกุสท์ลอฟฟ์ก็ถูกยิงจมพร้อมชีวิตผู้โดยสาร 9000 คน
ตาข่ายจับปลาที่คลุมเรือ ชตอยเบน ทำให้เรือลำนี้ยังเป็นเรืออันตราย มีครั้งหนึ่งที่ยานอาร์โอวีของทีมสำรวจเข้าไปติดอยู่ในตาข่ายที่ดังกล่าว
มาร์ซินบอกว่าการลงไปแกะนั้น "อันตรายมาก" เพราะเคยมีนักประดาน้ำที่ลงไปปฏิบัติงานนี้เสียชีวิตมาแล้ว หลังเตรียมการอยู่หลายชั่วโมง มาร์ซินและหัวหน้าทีมประดาน้ำก็ดำลงไป พวกเราใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าจะตัดตาข่ายให้ยานอาร์โอวีเป็นอิสระได้
เรื่องโดย : มาร์ซิน ยามคอฟสกี
ภาพถ่ายโดย :คริสทอฟ เกริกค์
คัดลอกบางส่วนจาก :National Geographic กพ.2548
ฉลาวาฬยักษ์ถูกจับมาเป็นอาหาร
Wednesday, February 9, 2005, 01:29 PM - ต่างประเทศ
|
BINTULU - ประชาชนใน บินทูลู (มาเลเซีย) ต่างดีใจกับอาหารอันโอชะ เช่น หูฉลาม และเนื้อฉลาม ที่จะได้จากฉลามวาฬยักษ์ ที่จับได้ในทะเลใกล้ฝั่งบริเวณ บินทูลู เมื่อวันที่ 8 กพ. 48 ที่ผ่านมา
ฉลามที่คาดว่าจะหนักถึง 2 ตัน ตัวนี้ ถูกชาวประมงผู้หนึ่งจับได้ และต้องใช้เวลาถึง 6 ชม. ในการนำมันกลับมายังท่าเรือบินทูลู เดือนที่แล้ว ฉลาม ตัวขนาดหนัก 4 ตัน ก็ถูกจับได้ในบริเวณ บินทูลู แห่งนี้ ชาวประมงถือว่าฉลามทั้ง 2 ตัวได้มอบลาภก้อนโตให้แก่พวกเขา โดยเป็นลาภที่ได้จากการจำหน่ายเนื้อ และหูฉลามให้แก่ผู้ที่สนใจซื้อหาไปรับประทาน |
แปลมาจาก http://www.brunei-online.com
ย้อนกลับ ถัดไป